top of page

Driving Innovation in Accounting for a Sustainable Future
จดหมายข่าวสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ฉบับที่ 114 เมษายน-มิถุนายน 2568

Newsletter114.jpg
Newsletter114P10.jpg
Newsletter114P11.jpg
 
โดย นางสาวศิริรัฐ โชติเวชการ
คณะกรรมการวิชาชีพบัญชี
ด้านการวางระบบบัญชี

Driving Innovation in Accounting for a Sustainable Future

สมัยก่อน ถ้าพููดถึง “บัญชี” เราอาจนึกถึงภาพนักบัญชีนั่งก้มหน้าก้มตาจดตัวเลขในสมุดบัญชี หรือ

ในตารางใน Excel แต่เดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว งานบัญชีไม่ได้แค่เก็บข้อมูลเงินเข้า-ออกอีกต่อไป

มันกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้โลกเราน่าอยู่ขึ้นได้ด้วย ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ในวงการบัญชี เราสามารถทำให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับดูแลสิ่งแวดล้อม และสังคมได้ด้วย

ทำไมบัญชีต้องมีนวัตกรรม ?

การทำบัญชีในยุุคต่อไปนี้ แค่รู้ว่าเดือนนี้บริษัทกำไรเท่าไหร่คงไม่พอแล้ว ลูกค้า พนักงาน หรือแม้แต่คนทั่วไปอยากรู้ด้วยว่า “บริษัทคุณทำอะไรกับโลกนี้บ้าง ?” เช่น จำนวนการปล่อยคาร์บอนการช่วยชุมชน นวัตกรรมในงานบัญชีจะเข้ามาช่วยให้เราตอบคำถามเหล่านี้ได้ เช่น ถ้าใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล จะบอกได้เลยว่าบริษัทใช้เงินไปกับอะไรบ้าง มีส่วนใดสิ้นเปลืองหรือมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ต่อไปการใช้ระบบบัญชีที่คำนึงถึงความยั่งยืนจะทำให้เรารายงานในรูปแบบใหม่ๆในเชิงสิ่งแวดล้อม เช่น “เดือนนี้กำไรดีแต่เราใช้น้ำมากไป”

วิธีการใหม่ๆที่ทำให้งานบัญชีไม่น่าเบื่อ

แล้วเราจะเอานวัตกรรมมาใส่ในงานบัญชีได้ยังไงบ้าง ?

มาดูกันแบบง่าย ๆ

 

1 ใช้เทคโนโลยีให้เป็นเพื่อน

ลองนึกถึง Blockchain ที่เป็นเหมือนสมุดบัญชีดิจิทัลที่โกงไม่ได้ เพราะระบบสามารถแกะรอยของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่นบริษัทที่ซื้อวัตถุดิบจากฟาร์มสามารถเช็คได้เลยว่าต้นทางมาจากที่ไหนปลูกแบบรักษ์โลกจริงหรือเปล่า ส่วน AI ก็ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลได้ในพริบตา อย่างเช่น บอกว่า “เดือนนี้ค่าไฟสูงนะ ลองพิจารณาเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ดีกว่าไหม ?”

2 อัพสกิลนักบัญชีให้เก่งรอบด้าน

นักบัญชีสมัยนี้ไม่ใช่เก่งแค่บวกลบเลข ต้องรู้เรื่องเทคโนโลยี เรื่องโลกด้วย เช่น ต้องศึกษาว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคำนวณอย่างไร หรือศึกษาหาแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ มาช่วยทำให้การทำงานง่ายขึ้นเปลี่ยนจากนักบัญชีธรรมดาเป็น”นักบัญชีสายกรีน”

3 ชวนเพื่อนจากทีมอื่นมาช่วย

นักบัญชียุคใหม่ต้องมีการประสานงานและร่วมมือกับฝ่ายอื่น เช่นจับมือกับนักวิทย์สิ่งแวดล้อมที่จะช่วยบอกว่าน้ำ 1 ลิตรที่บริษัทใช้ มันกระทบอะไรบ้าง แล้วนักบัญชีก็เอามาคำนวณเป็นตัวเลขให้ชัดเจน

การทำงานเป็นทีมกับฝ่ายอื่น ๆ เช่นนี้จะทำให้เราได้ข้อมูลในมุมมองอื่นที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้านความยั่งยืนมากขึ้น

​​

ตัวอย่าง เช่น Unilever มีการผนวกบัญชีไปกับเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยตูว่าโรงงานใช้พลังงาน และปล่อยคาร์บอนเท่าไร แล้วนำเสนอเป็นรายงานด้านความยั่งยืนนอกเหนือไปจากงบกำไรขาดทุน โดยนำตัวชี้วัดเหล่านั้น มาใช้ในการตั้งเป้าหมายในการลดคาร์บอน จึงสามารถบอกลูกค้าได้อย่างมั่นใจว่า “ซื้อสินค้าจากเรา ได้ช่วยโลกไปด้วย !”

 

หรือร้านกาแฟเล็ก ๆ สามารถใช้ระบบบัญชีที่ตรวจสอบต้นทุน จนเช็คได้เลยว่าซื้อเมล็ดกาแฟจากฟาร์มไหนถูกกว่าและดีต่อชาวบัานด้วย สามารถนำไปเป็นจุดขายในการโฆษณาได้ว่าเป็น “กาแฟอร่อยที่สนับสนุนเกษตรกร !”

 

หรืออย่าง Patagonia แบรนด์เสื้อผ้าสายรักษ์โลก เขาใช้บัญชีแบบ Blockchain ที่ดูทุกขั้นตอนการผลิตเลย ตั้งแต่ฝ้ายมาจากไหนใช้สารเคมีอะไรหรือไม่ แล้วนำมาเขียนรายงานให้ลูกค้าดูอย่างโปร่งใส ทำให้คนเชื่อใจและอยากสนับสนุน

แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ง่าย อาจจะต้องลงทุนซื้อโปรแกรมใหม่ ต้องฝึกคน ต้องหาข้อมูลในมุมที่ไม่คุ้นเคย แต่ถ้าคิดอย่างมีวิสัยทัศน์ จะเห็นได้ว่ามันคือโอกาสทองที่ใครเริ่มก่อนก็จะได้เปรียบเพราะเป็นกระแสของโลกที่ยังไงก็ต้องไปทางนี้แน่นอน

 

การทำบัญชีในโลกแห่งอนาคตจึงไม่ใช่แค่ตัวเลขในกระดาษแต่เป็นเครื่องมือที่ทำให้เราเห็นว่าเงินที่ใช้ไปได้สร้างประโยชน์หรือโทษอะไรให้กับโลกบ้าง ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีหรือวิธีคิดใหม่ ๆ งานบัญชีจะช่วยให้ธุรกิจโตแบบไม่ทิ้งโลกไว้ข้างหลังได้ วันนี้เราเริ่มได้ง่าย ๆ จากสิ่งเล็กๆ เช่น ลดการใช้กระดาษในออฟฟิศ โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่จะมีส่วนในการเปลี่ยนวงการบัญชีให้เป็นการบัญชีเพื่อความยั่งยีน

Newsletter • Issue 114 Page 10-11

bottom of page